บทความตอนที่ 2 นี้ มารู้จักกับว่าอีก 3 ชนิดที่นักเลงและนักมวยสมัยโบราณมีความเชื่อว่าจะช่วยให้คงกระพันกันต่อเลยนะคะ
![](https://littlegreenmonster.org/wp-content/uploads/2022/08/รวมว่านที่นักเลงและนักมวยสมัยก่อนกินเพื่อความคงกระพัน-ตอนที่-2-2.jpg)
1.ว่านกลิ้งกลางดง หรือ ว่านพระฉิม ตาเฒ่าหนังหยาบ หรืออีรุมปุมเป้า และยังมีอีกหลายชื่อเรียกตามแต่ละท้องถิ่น กลิ้งกลางดง เป็นไม้เลื้อยล้มลุก มีหัวอยู่ใต้ดิน จำพวกเดียวกับกลอย อายุเพียง 1 ปี ต้นและกิ่งก้านมีน้ำยางสีแดง มีหัวขนาดเล็กที่ซอกใบ หัวมีปุ่มปมที่ผิว สีก้านนอกมีสีน้ำตาลปนเทาซีด เมื่อผ่าออกเนื้อจะเป็นสีเหลืองส้ม ผู้เฒ่าผู้แก่กล่าวไว้ว่า หากใครเข้าป่าแล้วเผลอกินเข้าไปจะเกิดอาการมึนเมาจนต้องนอนกลิ้งอยู่กลางป่ากลางดง จึงเป็นที่มาของชื่อ “กลิ้งกลางดง”
ความเชื่อของคนสมัยก่อนเชื่อว่า ว่านนี้ถ้าปลูกทำเป็นซุ้มหน้าบ้านให้ว่านเลื้อยเกาะจะทำให้ร่วมเย็น เป็นเมตตามหามงคลเป็นสิริมงคลแก่บ้านและร้านค้า หัวว่านนิยมนำมาผสมทำพระเครื่อง หรือนำหัวพกติดตัวไปไหนมาไหน เพื่อป้องกันเหตุร้ายต่างๆ แคล้วคลาดจากภัยทั้งปวง ก่อนพกพาให้เสกด้วยคาถา นะโมพุทธายะ 7 จบ จะเป็นสิริมงคล อุดมด้วยโภคทรัพย์ และคงกระพันชาตรี หรือหากนำว่านวางไว้ที่หัวเตียงจะป้องกันสิ่งไม่ดีมากระทำได้ นักเลงในสมัยก่อนจะนำไปแช่น้ำมันสำหรับสักยันต์ เพื่อเสริมทางคงกระพันชาตรีได้ หมอยาบางพื้นที่ ใช้หัวสดกับก้านใบของ ว่านกลิ้งกลางดง กินร่วมกับเหล้าขาว 40 ดีดรี จะทำให้ผิวหนังเกิดอาการชา ถูกเฆี่ยนหรือตีอย่างไรก็ไม่เจ็บ แต่เมื่อหมดฤทธิ์ยาแล้วก็จะเกิดอาการเจ็บในภายหลัง ซึ่งนักลงหัวไม้ในสมัยก่อน นิยมกันมาก
สรรพคุณทางยาของกลิ้งกลางดงคือ หัวที่อยู่ใต้ดินนำมาดองเหล้าจะช่วยบำรุงกำลัง ขับเสมหะ บำรุงกำหนัด หรือตากแห้งแล้งบดปั้นเป็นลูกกลอนกินเป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยเจริญอาหารขับลม นำไปต้มน้ำดื่มก็จะระงับพิษร้อน แก้อาหารปวดเมื่อยปวดเอว ฟกช้ำดำเขียวที่เกิดจากอาการช้ำใน
![](https://littlegreenmonster.org/wp-content/uploads/2022/08/รวมว่านที่นักเลงและนักมวยสมัยก่อนกินเพื่อความคงกระพัน-ตอนที่-2-3.jpg)
4.ว่านสบู่เลือด บางพื้นที่เรียก บอระเพ็ดพุงช้าง เป็นไม้เถาเลื้อย มีหัวขนาดใหญ่ ซึ่งมีสองชนิดคือ สบู่เลือดตัวผู้ และสบู่เลือดตัวเมีย ตัวผู้หัวจะมีลักษณะยาวคล้ายมันสำปะหลัง ตัวเมียจะหัวกลม นิยมใช้ตัวเมียมากกว่าตัวผู้ มียางสีแดงที่หัว ใบเป็นรูปกลมคนโบราณเชื่อว่าดีทางด้านคงกระพันชาตรี โดยเฉพาะนักเลงสมัยก่อนจะนิยมนำน้ำยางจากหัวว่านสักลงอักขระเลขยันต์ใส่ตัว จะได้อยู่ยงคงกระพันตลอดชีวิต แต่ผู้ที่ใช้ต้องปฏิบัติดีไม่ผิดศีล 5 ถึงจะได้ผล เนื้อของหัวว่านสบู่เลือดจะมีรสขม เมื่อกินเข้าไปจะคงกระพันเพียงชั่วเบา คือจะหมดฤทธิ์เมื่อมีการปัสสาวะออก คนโบราณจะนิยมนำเนื้อว่านมาสร้างพระเครื่องเนื้อว่านด้วย เพราะมีพุทธคุณด้านคงกระพันชาตรี
สรรพคุณทางยาก็จะนำไปฝานเป็นแว่นๆนำไปตากแห้งแล้วมาบดเป็นยา ผสมน้ำผึ้งแท้ ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยกิน 3 เวลาหลังอาหาร และก่อนนอน จะเป็นยาอายุวัฒนะชั้นยอด สตรีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ นำหัวสดมาสับให้ละเอียดผสมน้ำซาวข้าว หรือเหล่า 40 ดีกรีเล็กน้อยกินแล้วจะหาย
![](https://littlegreenmonster.org/wp-content/uploads/2022/08/รวมว่านที่นักเลงและนักมวยสมัยก่อนกินเพื่อความคงกระพัน-ตอนที่-2-5.jpg)
5.ว่านกงจักรพระอินทร์ มีต้นใบและหัวคล้ายกับขมิ้นอ้อยธรรมดา ใบจะมีแถบสีแดงเล็กน้อยตรงกลาง ต้นที่สมบูรณ์มากๆ เหงาและแง่งจะมีลักษณะคล้ายกงจักร สรรพคุณเป็นว่านที่มีอานุภาพอยู่ยงคงกระพัน ก่อนกินต้องเสกคาถา “อุตทังอัตโท นะโมพุทธายะ จะพะกะสะ พุทธะสังมิ” จำนวนจบตามวันเช่นวันอาทิตย์ เสก 1 จบ วันจันทร์ 2 จบ ไล่ไปจนถึงวันเสาร์คือ 7 จบ
ว่านนี้มีอานุภาพคงกระพันชาตรี และเมตตามหานิยม และหลบหลีกศัตรูได้ดี บางตำรากล่าวว่าหากจะกินให้คงกระพันชาตรี ให้นำหัวว่านสดมาเสกด้วยคาถาพระเจ้าห้าพระองค์หรือคาถา “กันหะ เนหะ” 3 จบ
สรรพคุณทางยา จะนำหัวว่านมาปอกแล้วปิ้งไฟพอเกรียม จากนั้นนำไปดองกับเหล้าโดยเอาหมกข้าวเปลือกไว้ 3 คืน จึงเอาหัวว่านมาคั้นเอาแต่น้ำเก็บไว้หยอดตา แก้โรคตาแดง ตาต้อ ตาแฉะ
ว่านเหล่านี้มีการใช้มานานมากแล้ว ปัจจุบันผู้คนนิยมปลูกไว้ประดับบ้านเรือนเท่านั้น ดังนั้นการจะกินพืชสมุนไพรหรือว่านชนิดใด ควรปรึกษาแพทย์ทางเลือกหรือแพทย์ทางสมุนไพรเสียก่อนเพื่อความปลอดภัยนะคะ
ต้นไม้แต่งบ้าน ต้นไม้แต่งคอนโด ต้นไม้ฟอกอากาศ