4 ว่านดอกทองไทยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดมหาเสน่ห์ของดีหายาก ตอนที่ 1

4 ว่านดอกทองไทยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดมหาเสน่ห์ของดีหายาก ตอนที่ 1

เมื่อพูดถึงว่านดอกทอง หลายคนคงรู้จักกันมาบ้างแล้ว บางคนรู้จักกันในชื่อว่า ว่านมหาเสน่ห์ หรือว่านรากราคะ ซึ่งว่านดอกทองนั้นมีทั้งต้นที่เป็นตัวผู้และต้นตัวเมียตัวเมีย ซึ่งมีการจำแนกสายพันธ์มากถึง 12 สายพันธุ์ แต่บทความในครั้งนี้จะขอนำ 4 สายพันธุ์ยอดนิยมมาแบ่งปันให้รู้จักกัน ไปดูว่ามีมีสายพันธุ์อะไรบ้าง

1.ว่านดอกทองกระเจา

ใบเล็กยาว หน้าใบ มีลายเส้นเห็นได้ชัดเจน ใบรากของว่านมีตุ่มน้ำเลี้ยง หัวว่านบางหัวมีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศเด็กชาย ก้านดอกแทงขึ้นจากกกลางกอ ช่อดอกเป็นกรวย รอบนอกสีเขียวอ่อนมีลายเส้นสีแดง เกสรเป็นตุ่มเล็กๆสีขาวอยู่ในกรวยและจะแตกออกเป็นสีเหลืองเข้ม ภาคอีสานเรียกว่านต้นนี้ว่า ดอกทองตัวผู้ คู่กับดอกตัวเมีย

ว่านดอกทองกระเจา เป็นว่านตระกูลเดียวกันกับ ว่านดอกทองมหาอุดม และว่านนี้นิยมทำเป็นส่านมหาเสน่ห์ ทำเสน่ห์เมตตามหานิยม นักไสยเวทย์ นำนำต้นแห้ง หรือดอกแห้งแช่น้ำมัน ปลุกเสกเพื่อทาหน้าทาตัว หรือนำติดตัวเวลาไปไหนมาไหน ท่านว่าเป็นยอดของมหานิยม นักเลงเจ้าชู้รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยให้เสกด้วยคาถา นะโม พุทธายะ 3 ครั้ง ก่อนที่จะใช้งานทุกครั้งจึงจะสัมฤทธิ์ผล

2.ดอกทองโยนี หรือว่านเขียด

เป็นพันธุ์กล้วยไม้ดิน สูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร ใบรูปแผ่นพับจีบ กว้างประมาณ 2 เซนติเมตรใบยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร ช่อดอกจะออกจากลำต้น สีเหลืองสดสวยงาม ว่านชนิดนี้มีลำต้นอยู่ใต้ดินหัวจะเป็นรูปสามเหลี่ยมแบบสีเขียว แลดูคล้ายๆอวัยวะเพสหญิงมาก จึงชื่อว่า ว่านโยนี เป็นหนึ่งในว่านมหาเสน่ห์เมตตามหานิยม กลิ่นของดอกทองโยนีจะกระตุ้มอารมณ์ทางเพศอย่างรุนแรง โบราณว่าแม้ใครได้กลิ่นของดอกว่านโยนี ก็มักจะว้าวุ่นกระวนกระวายด้วยความใคร่ นักเลงเจ้าชู้นิยมเอาดอกว่านโยนีแช่น้ำมันจัน หรือผสมสีผึ้ง ใส่พกติดตัว หรือทาปากเวลาไปจีบหญิง และว่านนี้ก็เป็นมวลสารหลักของเครื่องรางของขลังสายเสน่ห์ และนอกจากทางสายเสน่ห์เมตตามหานิยมแล้ว ยังใช้ทางด้านเมตตาค้าขาย โชคลาภเงินทอง โดยมีความเชื่อว่าหากพกหัวว่านติดตัวไว้ หรือว่าปลูกเอาไว้ติดบ้าน เงินทองจะไม่ขาดมือ

อย่าพลาดติดตามอีก 2 สายพันธุ์ว่านดอกทองไทยที่ได้รับความนิยม และขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดว่านมหาเสน่ห์ของดีหายาก ในบทความตอนที่ 2 กันต่อนะคะ